เชลซี ในฐานะแชมป์ยุโรป เสมอกับ ฟลาเมงโก้ ดีกรีแชมป์ทวีปอเมริกาใต้ 1-1 ในช่วง 90 นาทีแรกทำให้ต้องไปเล่นต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษอีก 30 นาที ซึ่งหากยังไม่มีผู้ชนะจะต้องไปตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ
เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า โชว์ความเป็นพี่ใหญ่แห่ง “สิงห์บลูส์” แทงบอลออนไลน์ เมื่อจัดการแบกรับภาระความกดดันไว้ก่อนที่ ไค ฮาแวร์ตซ์ แทงบอล ได้รับหน้าที่สังหารจุดโทษซึ่งเป็นประตูชัยพา เชลซี คว้าแชมป์สโมสรโลก สมัยแรก
อย่างไรก็ตาม แทงบอล เกมดำเนินจนกระทั่งนาที 114 เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า กัปตันทีม เชลซี และได้กระโดดยิงในกรอบเขตโทษ แล้วบอลไปถูกแขน ลวน การ์เซีย แข้ง ฟลาเมงโก้ ซึ่งคราแรกผู้ตัดสินไม่ได้จับเป็นลูกแฮนด์บอล แต่ทางแข้งสแปนิช แทงบอลออนไลน์ เข้าไปประท้วงเพื่อเรียกดูวีเออาร์ และเวลาต่อมาจึงตัดสินให้เป็นลูกจุดโทษให้แก่ “สิงห์บลูส์”
ต่อเหตุการณ์ดังกล่าว อัซปิลิกวยต้า นำบอลมาถือไว้กับตัวราวกับจะเป็นผู้สังหารจุดโทษเอง แทงบอล ซึ่งเขาถูกเหล่าผู้เล่น ฟลาเมงโก้ เข้ามากดดัน ถึงขนาดที่ เอดวร์ด อาตูเอสตา แทงบอลออนไลน์ รับใบเหลืองเป็นของแถมจากพฤติกรรมไปกดดันคู่แข่งจนเกินงาม
ในเวลานั้นเหล่าแข้งจากแดนละติน แทงบอลออนไลน์ ต่างพากันคิดว่ากัปตันทีม เชลซี จะรับหน้าที่ยิงเอง แต่ทุกอย่างกลับไม่ได้เป็นอย่างที่คิดไว้ เมื่ออดีตแข้ง มาร์กเซย มอบบอลให้แก่ ไค ฮาแวร์ตซ์ ที่เป็นผู้รับผิดชอบในการสังหารในยามที่ จอร์จินโญ่ กับ แทงบอล โรเมลู ลูกากู ไม่อยู่สนามรับหน้าที่ยิง และแข้งทีมชาติเยอรมนี ซัดผ่าน เวเวอร์ตัน ง่าย ๆ จนเป็นประตูชัยพา เชลซี คว้าแชมป์สโมสรแรกได้เป็นสมัยแรก
ทั้งนี้ สิ่งที่ อัซปิลิกวยต้า แสดงออกมานั้น แทงบอล เป็นที่เชื่อกันว่าเป็นการทำเพื่อป้องกันไม่ให้ ฮาแวร์ตซ์ โดนความกดดันจากคู่แข่งจนเกิดอาการประหม่า ซึ่งหลังจบเกม ดาวเตะสแปนิช แทงบอลออนไลน์ ได้ยอมรับเองว่าเป็นสิ่งที่ตนตั้งใจทำเพื่อแบกรับความกดดันแทนรุ่นน้อง
สำหรับ อัซปิลิกวยต้า ได้สร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้เล่น เชลซี คนแรกที่ได้แชมป์รายการใหญ่ครบทุกถ้วยไล่ตั้งแต่ แทงบอล แชมป์พรีเมียร์ลีก 2 สมัย, เอฟเอ คัพ 1 สมัย, ลีก คัพ 1 สมัย, ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1 สมัย, แทงบอลออนไลน์แชมป์ยูโรปา ลีก 1 สมัย, แชมป์ ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ 1 สมัย และล่าสุด แชมป์ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ